หน้าโทรม หน้าหมอง หน้าแก่ก่อนวัย-จาก 6 พฤติกรรมเคยชินของเรา?
เคยสังเกตไหมว่า แม้ว่าจะใช้สกินแคร์บำรุงผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ผิวก็ยังดูหมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่งสดใส ริ้วรอยไม่จางลงสักที สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะพฤติกรรมที่ทำบ่อย ๆ จนเคยชิน เป็นตัวไปกระตุ้นหรือทำลายผิวให้เสื่อมลงไวขึ้น เชื่อว่าหน้าโทรม หน้าหมอง ดูแก่ก่อนวัย เป็นปัญหาที่ใครก็ไม่อยากเจอ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้หน้าดูแก่ก่อนวัย หรือไม่อยากให้ผิวแย่ไปมากกว่าเดิม ควรลดละเลิก พฤติกรรมต่อไปนี้
6 พฤติกรรมเคยชิน ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย
1. ทานแป้งและน้ำตาลมากเกินไป
สายหวานหรือสายคาร์บมีเศร้าแน่นอน เพราะของโปรดที่ชอบกลับกลายเป็นวายร้ายที่มาทำลายผิวของเราแทนซะงั้น เนื่องจากการทานของหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นประจำ จะก่อให้เกิดการสะสมในร่างกาย และถ้าร่างกายนำไปใช้ไม่หมด ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนได้ ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย หมองคล้ำ ผิวเหี่ยว แห้งกร้าน ดูแก่ก่อนวัยนั่นเอง
2. ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่จัด
สายปาร์ตี้ทั้งหลาย ที่ดื่มหนัก ทั้งยังสูบบุหรี่ด้วยอีก ลองสังเกตตัวเองดูสิว่า เวลาปาร์ตี้ติดต่อกันหลายวัน พอตื่นมาในตอนเช้าสภาพผิวเป็นอย่างไร ช่วงแรก ๆ หรือช่วยอายุน้อย ๆ อาจจะยังเห็นไม่ชัด แต่ถ้านานวันเข้า บวกกับอายุเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเห็นได้เลยว่า ผิวแห้งหยาบกร้าน มีริ้วรอย จุดด่างดำชัดขึ้น หน้าหมอง หน้าโทรมง่าย แต่งหน้ากลบก็ไม่รอดเพราะว่าแต่งหน้าไม่ติด สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น มาจากการที่สารในแอลกอฮอล์และบุหรี่ เข้าไปทำลายตัวต้านอนุมูลอิสระและคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เมื่อภายในแย่ ภายนอกก็แย่ตามไปด้วย
3. เครียดบ่อย
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดออกได้หมด โดยเจ้าอนุมูลอิสระนี้แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายเซลล์ผิว ส่งผลให้คอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ในผิวลดลง ยิ่งไปกว่านั้นคือ เวลาเครียด เราก็มักจะแสดงออกทางสีหน้ามากขึ้น อย่างการขมวดคิ้ว ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ชัดยิ่งกว่าเดิม

4. ทำความสะอาดผิวหน้ารุนแรง
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นึกไม่ถึงเรื่องนี้กันแน่นอน เพราะคงไม่ได้สนใจว่า ตัวเองล้างหน้าหรือเช็ดหน้าแรงหรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้ว การออกแรงทำความสะอาดผิวหน้ามากเกินไป ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ เป็นผลมาจากการที่ผิวถูกเสียดสีมากเกินไป และยังนำไปสู่การระคายเคืองได้อีกต่างหาก ยิ่งถ้าสภาพผิวเดิมไม่แข็งแรง ไม่มีความยืดหยุ่น แถมผิวแห้งด้วย ริ้วรอยก็จะยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น และใบหน้าก็จะเหี่ยว หย่อนคล้อยในที่สุด
5. ดื่มน้ำน้อย
การดื่มน้ำน้อย ถือว่าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมความเคยชินที่หลายคนมักจะเป็นกัน จนอาจลืมคิดไปว่า การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน คือวิธีที่ทำง่ายที่สุดแล้วในการดูแลผิว เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการมีผิวสุขภาพดี ดังนั้นใครที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ อย่าลืมหันมาใส่ใจกับการดื่มน้ำให้มากขึ้นนะ
6. พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก
การนอนดึก นอนน้อย คืออีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้หน้าโทรม ผิวแก่ก่อนวัย เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนในระยะเวลาหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม กระบวนการฟื้นฟูผิวจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงดูไม่สดชื่น เปล่งปลั่งสดใส เมื่อผิวไม่ได้รับฟื้นฟูสะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะเสื่อมลง จนหน้าดูแก่ก่อนวัยได้

กูริ PCL 21% ปรับปรุงคุณภาพผิว แก้ปัญหาหน้าโทรม หน้าหมอง ผิวแก่ก่อนวัย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ครบทุกข้อ แต่มีบางข้อที่ทำบ่อย จนรู้สึกได้ว่าตอนนี้ผิวตัวเองก็เข้าขั้นแย่แล้วเหมือนกัน และได้เวลาที่จะต้องกู้คืนสภาพผิว รวมถึงต้องการวิธีที่เห็นผลเร็วกว่าการใช้สกินแคร์ ลองดูกูริ PCL 21% ไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งกันเลย
- กูริ PCL 21% Biostimulator เพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก
- กูริ เป็นสาร PCL ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid PCL)ที่ย่อยสลายได้เอง ไม่ตกค้างในผิว ไม่มีรายงานการอักเสบใต้ผิว และการอุดตันของหลอดเลือด ทั้งยังกระจายตัวได้ดีทั่วใบหน้า ด้วยการใช้เพียงไม่กี่จุด
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่มีหน้าที่คอยสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มีทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- หลังทำจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวใน 1-2 สัปดาห์ และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน เมื่อทำครบ 3 ครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับระดับปัญหาผิวของแต่ละคนด้วย
- ช่วยแก้ปัญหาผิว ทั้งในเรื่องช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง เปลี่ยนหน้าหมอง หน้าโทรม ให้ดูสดใส เปล่งปลั่ง สุขภาพดีขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีตัวช่วยดี ๆ อย่างกูริ PCL 21% เข้ามาช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ แต่ทางที่ดี ก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการดูแลรักษาผิวให้ดีขึ้นในระยะยาวด้วยเช่นกัน
บทความอื่นๆที่ใกล้เคียง

สารบัญเนื้อหา
เคยสังเกตไหมว่า แม้ว่าจะใช้สกินแคร์บำรุงผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่ผิวก็ยังดูหมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่งสดใส ริ้วรอยไม่จางลงสักที สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะพฤติกรรมที่ทำบ่อย ๆ จนเคยชิน เป็นตัวไปกระตุ้นหรือทำลายผิวให้เสื่อมลงไวขึ้น เชื่อว่าหน้าโทรม หน้าหมอง ดูแก่ก่อนวัย เป็นปัญหาที่ใครก็ไม่อยากเจอ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้หน้าดูแก่ก่อนวัย หรือไม่อยากให้ผิวแย่ไปมากกว่าเดิม ควรลดละเลิก พฤติกรรมต่อไปนี้
6 พฤติกรรมเคยชิน ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย
1. ทานแป้งและน้ำตาลมากเกินไป
สายหวานหรือสายคาร์บมีเศร้าแน่นอน เพราะของโปรดที่ชอบกลับกลายเป็นวายร้ายที่มาทำลายผิวของเราแทนซะงั้น เนื่องจากการทานของหวาน ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงเป็นประจำ จะก่อให้เกิดการสะสมในร่างกาย และถ้าร่างกายนำไปใช้ไม่หมด ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ไปทำลายโครงสร้างของคอลลาเจนได้ ส่งผลให้ผิวเกิดริ้วรอย หมองคล้ำ ผิวเหี่ยว แห้งกร้าน ดูแก่ก่อนวัยนั่นเอง
2. ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่จัด
สายปาร์ตี้ทั้งหลาย ที่ดื่มหนัก ทั้งยังสูบบุหรี่ด้วยอีก ลองสังเกตตัวเองดูสิว่า เวลาปาร์ตี้ติดต่อกันหลายวัน พอตื่นมาในตอนเช้าสภาพผิวเป็นอย่างไร ช่วงแรก ๆ หรือช่วยอายุน้อย ๆ อาจจะยังเห็นไม่ชัด แต่ถ้านานวันเข้า บวกกับอายุเพิ่มขึ้น ก็จะยิ่งเห็นได้เลยว่า ผิวแห้งหยาบกร้าน มีริ้วรอย จุดด่างดำชัดขึ้น หน้าหมอง หน้าโทรมง่าย แต่งหน้ากลบก็ไม่รอดเพราะว่าแต่งหน้าไม่ติด สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น มาจากการที่สารในแอลกอฮอล์และบุหรี่ เข้าไปทำลายตัวต้านอนุมูลอิสระและคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี เมื่อภายในแย่ ภายนอกก็แย่ตามไปด้วย
3. เครียดบ่อย
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมา ทำให้เกิดอนุมูลอิสระมากเกินกว่าที่ร่างกายจะกำจัดออกได้หมด โดยเจ้าอนุมูลอิสระนี้แหละ ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายเซลล์ผิว ส่งผลให้คอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ในผิวลดลง ยิ่งไปกว่านั้นคือ เวลาเครียด เราก็มักจะแสดงออกทางสีหน้ามากขึ้น อย่างการขมวดคิ้ว ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ชัดยิ่งกว่าเดิม

4. ทำความสะอาดผิวหน้ารุนแรง
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นึกไม่ถึงเรื่องนี้กันแน่นอน เพราะคงไม่ได้สนใจว่า ตัวเองล้างหน้าหรือเช็ดหน้าแรงหรือเปล่า ซึ่งจริง ๆ แล้ว การออกแรงทำความสะอาดผิวหน้ามากเกินไป ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ เป็นผลมาจากการที่ผิวถูกเสียดสีมากเกินไป และยังนำไปสู่การระคายเคืองได้อีกต่างหาก ยิ่งถ้าสภาพผิวเดิมไม่แข็งแรง ไม่มีความยืดหยุ่น แถมผิวแห้งด้วย ริ้วรอยก็จะยิ่งเกิดได้ง่ายขึ้น และใบหน้าก็จะเหี่ยว หย่อนคล้อยในที่สุด
5. ดื่มน้ำน้อย
การดื่มน้ำน้อย ถือว่าเป็นหนึ่งในพฤติกรรมความเคยชินที่หลายคนมักจะเป็นกัน จนอาจลืมคิดไปว่า การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอในแต่ละวัน คือวิธีที่ทำง่ายที่สุดแล้วในการดูแลผิว เพราะการดื่มน้ำให้เพียงพอนั้นจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการมีผิวสุขภาพดี ดังนั้นใครที่ไม่ค่อยดื่มน้ำ อย่าลืมหันมาใส่ใจกับการดื่มน้ำให้มากขึ้นนะ
6. พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึก
การนอนดึก นอนน้อย คืออีกหนึ่งพฤติกรรมที่ทำให้หน้าโทรม ผิวแก่ก่อนวัย เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนในระยะเวลาหรือช่วงเวลาที่เหมาะสม กระบวนการฟื้นฟูผิวจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงดูไม่สดชื่น เปล่งปลั่งสดใส เมื่อผิวไม่ได้รับฟื้นฟูสะสมไปเรื่อย ๆ ก็จะเสื่อมลง จนหน้าดูแก่ก่อนวัยได้

กูริ PCL 21% ปรับปรุงคุณภาพผิว แก้ปัญหาหน้าโทรม หน้าหมอง ผิวแก่ก่อนวัย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ครบทุกข้อ แต่มีบางข้อที่ทำบ่อย จนรู้สึกได้ว่าตอนนี้ผิวตัวเองก็เข้าขั้นแย่แล้วเหมือนกัน และได้เวลาที่จะต้องกู้คืนสภาพผิว รวมถึงต้องการวิธีที่เห็นผลเร็วกว่าการใช้สกินแคร์ ลองดูกูริ PCL 21% ไว้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งกันเลย
- กูริ PCL 21% Biostimulator เพื่อปรับปรุงและฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายในสู่ภายนอก
- กูริ เป็นสาร PCL ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid PCL)ที่ย่อยสลายได้เอง ไม่ตกค้างในผิว ไม่มีรายงานการอักเสบใต้ผิว และการอุดตันของหลอดเลือด ทั้งยังกระจายตัวได้ดีทั่วใบหน้า ด้วยการใช้เพียงไม่กี่จุด
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่มีหน้าที่คอยสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มีทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์
- หลังทำจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวใน 1-2 สัปดาห์ และคงผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 12 เดือน เมื่อทำครบ 3 ครั้ง ทั้งนี้ระยะเวลาขึ้นอยู่กับระดับปัญหาผิวของแต่ละคนด้วย
- ช่วยแก้ปัญหาผิว ทั้งในเรื่องช่วยให้ผิวแน่นกระชับ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง เปลี่ยนหน้าหมอง หน้าโทรม ให้ดูสดใส เปล่งปลั่ง สุขภาพดีขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีตัวช่วยดี ๆ อย่างกูริ PCL 21% เข้ามาช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ แต่ทางที่ดี ก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าว เพื่อเป็นการดูแลรักษาผิวให้ดีขึ้นในระยะยาวด้วยเช่นกัน