ร้อยไหม ยกกระชับหน้าด้วยTESSLIFT SOFT ไหมตาข่าย แข็งแรงอยู่ได้นาน
หนึ่งในวิธีการยกกระชับหน้าที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว และเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในวงการแพทย์ด้านความสวยความงาม คงไม่พ้นการทำหัตถการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ค่อนข้างตรงจุด หน้ายกกระชับโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม แต่หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่าทำไมร้อยไหมถึงช่วยยกกระชับหน้าได้ หรือไม่เคยรู้ถึงหลักการในการยกกระชับของร้อยไหมว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นบทความนี้จะขอพาทุกคนไปไขข้องใจเกี่ยวกับการร้อยไหม พร้อมทั้งพาไปรู้จักกับ ไหมโครงตาข่าย นวัตกรรมไหมโครงตาข่าย ที่ให้ผลลัพธ์หน้ายกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ได้รูป ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ต่างจากการร้อยไหมแบบเดิม
ร้อยไหมช่วยยกกระชับหน้าได้อย่างไร
การร้อยไหม คือการใช้เข็มสอดไหมละลายเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง โดยมีเทคนิคในการร้อยหรือแนวทางการวางไหมหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข หลังจากไหมถูกร้อยเข้าไป ก็จะมีการดึงรั้งเนื้อเยื่อผิวให้ยกขึ้นตามแนวของเส้นไหม ผิวจึงยกกระชับขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใหม่รอบ ๆ เส้นไหม ซึ่งทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น พร้อมทั้งช่วยเพิ่มการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้มาเลี้ยงชั้นที่ผิวหนัง ผิวจึงมีความเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
เส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามวัสดุและลักษณะของไหม ดังนี้
ชนิดของเส้นไหม ที่แบ่งตามวัสดุ มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นเส้นไหมชนิดที่มีความแข็ง ทนต่อแรงดึง จึงช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหมได้มากที่สุด แต่จะขาดความยืดหยุ่น ทำให้เปราะหัก ขาดง่าย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
2. PDO (Polydioxanone) เป็นเส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงามชนิดแรก และได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเข้ากันกับเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง อ่อนนิ่ม ไม่เปราะหักง่าย ขณะที่ร้อยจะไม่ค่อยรู้สึกระคายเคือง
3. PCL (Polycaprolactone) เส้นไหมชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุด แต่มีความยืดหยุ่นสูง แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย อยู่ได้นาน
ลักษณะของเส้นไหม มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก คือ
1. ไหมเรียบ
คือเส้นไหมที่มีลักษณะพื้นผิวเรียบ ไม่มีเงี่ยง มีทั้งแบบเรียบตรง และแบบเกลียว มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหม แต่เนื่องจากไม่มีเงี่ยง จึงไม่ค่อยช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยมากนัก
2. ไหมเงี่ยง
ลักษณะของเส้นไหมรูปแบบนี้ จะมีเงี่ยงยื่นออกมาจากตัวไหม อาจมีทั้งทิศทางเดียว และ 2 ทิศทาง โดยเงี่ยงเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวให้ยกกระชับขึ้นนั่นเอง
3. ไหมโครงตาข่าย
เส้นไหมที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงรอบทิศทาง และมีโครงตาข่ายคลุมรอบเส้นไหม ทำให้มีความแข็งแรง ทนแรงต้านได้ดี ตัวไหมมีการยึดเกาะในผิวได้แน่นขึ้น ไม่หลุดเคลื่อนที่จากตำแหน่งได้ง่าย พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหมได้รอบทิศทาง
ไหมโครงตาข่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้า
หลังจากได้รู้จักกับเส้นไหมแต่ละแบบไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่า ไหมโครงตาข่าย ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการร้อยไหมตอนนี้ มีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
- ด้วยลักษณะของเส้นไหมที่ถูกออกมาเป็นพิเศษ มาพร้อมเงี่ยง 2 ทิศทางและโครงตาข่ายล้อมรอบ 360 องศา ทำให้ไหมโครงตาข่าย มีความแข็งแรง เพิ่มการยึดเกาะ สามารถต้านทานแรงดึงได้มากกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า จึงช่วยในการยกกระชับหน้าได้เป็นอย่างดี
- รูตาข่ายช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้เกิดประบวนการสร้างคอลลาเจนในผิว โดยเนื้อเยื่อจะมาเกาะและเจริญเติบโตตามบริเวณรูเหล่านั้น ทำให้พยุงหน้าได้ดีกว่าการร้อยไหมแบบเดิมทั่วไป ทั้งยังส่งผลต่อการยกกระชับผิวที่นานขึ้น
- ทำจากวัสดุ PDO (Polydioxanone) ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีสารตกค้างใต้ชั้นผิว และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
- ใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาที แต่คงผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่าย ได้รับออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างสะดวก แม่นยำ และทำลายเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวน้อยที่สุด ซึ่งช่วยลดอาหารบวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
หากใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับ พร้อมทั้งผิวที่แลดูกระจ่างใสขึ้น ลองพิจารณาการทำหัตถการโปรแกรมร้อยไหมโครงตาข่าย ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกกันได้เลย
บทความอื่นๆที่ใกล้เคียง
สารบัญเนื้อหา
หนึ่งในวิธีการยกกระชับหน้าที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว และเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในวงการแพทย์ด้านความสวยความงาม คงไม่พ้นการทำหัตถการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ค่อนข้างตรงจุด หน้ายกกระชับโดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม แต่หลายคนอาจจะยังมีข้อสงสัยว่าทำไมร้อยไหมถึงช่วยยกกระชับหน้าได้ หรือไม่เคยรู้ถึงหลักการในการยกกระชับของร้อยไหมว่าเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นบทความนี้จะขอพาทุกคนไปไขข้องใจเกี่ยวกับการร้อยไหม พร้อมทั้งพาไปรู้จักกับ ไหมโครงตาข่าย นวัตกรรมไหมโครงตาข่าย ที่ให้ผลลัพธ์หน้ายกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ได้รูป ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นที่ต่างจากการร้อยไหมแบบเดิม
ร้อยไหมช่วยยกกระชับหน้าได้อย่างไร
การร้อยไหม คือการใช้เข็มสอดไหมละลายเข้าไปในชั้นใต้ผิวหนัง โดยมีเทคนิคในการร้อยหรือแนวทางการวางไหมหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข หลังจากไหมถูกร้อยเข้าไป ก็จะมีการดึงรั้งเนื้อเยื่อผิวให้ยกขึ้นตามแนวของเส้นไหม ผิวจึงยกกระชับขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใหม่รอบ ๆ เส้นไหม ซึ่งทำให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น แน่นกระชับ ริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น พร้อมทั้งช่วยเพิ่มการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้มาเลี้ยงชั้นที่ผิวหนัง ผิวจึงมีความเปล่งปลั่ง สดใส ดูอ่อนเยาว์อีกด้วย
เส้นไหมที่ใช้ในการร้อยไหมมีกี่ประเภท แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร
เส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามวัสดุและลักษณะของไหม ดังนี้
ชนิดของเส้นไหม ที่แบ่งตามวัสดุ มีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
1. PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นเส้นไหมชนิดที่มีความแข็ง ทนต่อแรงดึง จึงช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหมได้มากที่สุด แต่จะขาดความยืดหยุ่น ทำให้เปราะหัก ขาดง่าย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม
2. PDO (Polydioxanone) เป็นเส้นไหมที่ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงามชนิดแรก และได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเข้ากันกับเนื้อเยื่อผิวหนังได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง อ่อนนิ่ม ไม่เปราะหักง่าย ขณะที่ร้อยจะไม่ค่อยรู้สึกระคายเคือง
3. PCL (Polycaprolactone) เส้นไหมชนิดนี้จะมีขนาดใหญ่ที่สุด แต่มีความยืดหยุ่นสูง แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย อยู่ได้นาน
ลักษณะของเส้นไหม มีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบหลัก คือ
1. ไหมเรียบ
คือเส้นไหมที่มีลักษณะพื้นผิวเรียบ ไม่มีเงี่ยง มีทั้งแบบเรียบตรง และแบบเกลียว มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหม แต่เนื่องจากไม่มีเงี่ยง จึงไม่ค่อยช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าที่หย่อนคล้อยมากนัก
2. ไหมเงี่ยง
ลักษณะของเส้นไหมรูปแบบนี้ จะมีเงี่ยงยื่นออกมาจากตัวไหม อาจมีทั้งทิศทางเดียว และ 2 ทิศทาง โดยเงี่ยงเหล่านี้ จะเป็นตัวช่วยเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวให้ยกกระชับขึ้นนั่นเอง
3. ไหมโครงตาข่าย
เส้นไหมที่มีลักษณะเป็นเงี่ยงรอบทิศทาง และมีโครงตาข่ายคลุมรอบเส้นไหม ทำให้มีความแข็งแรง ทนแรงต้านได้ดี ตัวไหมมีการยึดเกาะในผิวได้แน่นขึ้น ไม่หลุดเคลื่อนที่จากตำแหน่งได้ง่าย พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการผลิตคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวที่ร้อยไหมได้รอบทิศทาง
ไหมโครงตาข่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับหน้า
หลังจากได้รู้จักกับเส้นไหมแต่ละแบบไปแล้ว คราวนี้ก็มาดูกันว่า ไหมโครงตาข่าย ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการร้อยไหมตอนนี้ มีคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง
- ด้วยลักษณะของเส้นไหมที่ถูกออกมาเป็นพิเศษ มาพร้อมเงี่ยง 2 ทิศทางและโครงตาข่ายล้อมรอบ 360 องศา ทำให้ไหมโครงตาข่าย มีความแข็งแรง เพิ่มการยึดเกาะ สามารถต้านทานแรงดึงได้มากกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า จึงช่วยในการยกกระชับหน้าได้เป็นอย่างดี
- รูตาข่ายช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ส่งผลให้เกิดประบวนการสร้างคอลลาเจนในผิว โดยเนื้อเยื่อจะมาเกาะและเจริญเติบโตตามบริเวณรูเหล่านั้น ทำให้พยุงหน้าได้ดีกว่าการร้อยไหมแบบเดิมทั่วไป ทั้งยังส่งผลต่อการยกกระชับผิวที่นานขึ้น
- ทำจากวัสดุ PDO (Polydioxanone) ที่มีความปลอดภัยสูง ไม่มีสารตกค้างใต้ชั้นผิว และย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ
- ใช้เวลาทำเพียง 20-30 นาที แต่คงผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการร้อยไหมโครงตาข่าย ได้รับออกแบบมาให้ใช้ได้อย่างสะดวก แม่นยำ และทำลายเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวน้อยที่สุด ซึ่งช่วยลดอาหารบวมช้ำ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
หากใครที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการการยกกระชับ พร้อมทั้งผิวที่แลดูกระจ่างใสขึ้น ลองพิจารณาการทำหัตถการโปรแกรมร้อยไหมโครงตาข่าย ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกกันได้เลย